วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

PE asia=18, Set=12.3, SEA=16

*เมื่อพิจารณาย้อนหลังไป​ 30 ​เดือน​ ​ด้วย​วิธีการหา​ความ​สัมพันธ์​เชิงเปรียบเทียบ​ ​ก็​จะ​พบว่าตลาดไทย​ยัง​คงมี​ Upside ​อีก​ 45% ​หรือ​ระดับดัชนี​ 1230 ​จุด​ ​จะ​กลาย​เป็น​เป้าหมายหลัก​ ​ซึ่ง​ก็มี​ความ​เป็น​ไป​ได้​สูง​ ​เนื่อง​จาก​ SET ​ยัง​มี​ PE ​ต่ำ​เพียง​ 12.3 ​เท่า​ ​เทียบ​กับ​ทวีปเอเชียที่​ 18 ​เท่า​ ​และ​ SEA ​ที่​ 16 ​เท่า​ ​เรา​จึง​เรียก​ได้​ว่ามีการ​ Discount ​อยู่​ 23-32%

*ประ​เด็นที่น่าติดตามว่า​เป้าหมายดังกล่าว​จะ​ถึง​หรือ​ไม่​ ​อยู่​ที่​ 1) ​อัตราดอกเบี้ยสหรัฐ​ ​หากมีการปรับขึ้น​ ​จะ​ส่งผล​ให้​เม็ดเงินชะลอลง​แล้ว​นั่น​จะ​ทำ​ให้​เกิดการปรับพอร์ตรอบ​ใหญ่​ 2) ​การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยปรับตัวขึ้นมาสูงมาก​จะ​ก่อ​ให้​เกิด​ Earnings Gap ​ที่​แคบลง​ ​กระตุ้นการขายทำ​กำ​ไร​ 3) ​ค่า​เงินบาทแข็งค่า​เร็ว​และ​แรงเกินไป​ ​ซึ่ง​เราคาดว่าบริ​เวณ​ 33 ​บาท​ ​แรงซื้อน่า​จะ​ชะลอลง​ ​เนื่อง​จาก​กำ​ไร​จาก​ค่า​เงิน​จะ​เพิ่มขึ้น​ ​ขณะที่ราคาหุ้นไทยก็​จะ​แพงขึ้นตาม​


*​ตลาดหุ้นไทย​ใน​ช่วง​ 6 ​เดือนที่ผ่านมา​ ​มีการปรับตัวขึ้นมา​ 38.7% ​แรงกว่า​ MSCI-Asia Ex Japan ​ที่ปรับขึ้นมา​ 23.4% ​และ​เมื่อเทียบ​กับ​ใน​กลุ่ม​ SEA 5 ​ประ​เทศ​ ​แล้ว​จะ​พบว่า​ไทย​ยัง​มี​ Performance ​ที่​แย่กว่า​เล็ก​น้อยประมาณ​ 2% ​เพราะ​ฉะ​นั้น​หากดัชนี​จะ​ปรับตัวลงก็​จะ​เกิดขึ้น​จาก​ปัจจัยต่างประ​เทศ​เป็น​สำ​คัญ​ ​กล่าวคือ​ ​ดอกเบี้ยขึ้น​ ​หรือ​มีการขายทำ​กำ​ไร​ทั้ง​ภูมิภาค

*คำ​แนะนำ​เราคือ​ ​หากดัชนี​ไม่​ต่ำ​กว่า​ 841 ​จุด​ ​แนะนำ​ซื้อ​หรือ​ถือต่อไป